• ข่าวสาร

จุฬาฯ นำทีมผู้ประกอบกิจการฮัจย์ เข้าพบนายก ถกปัญหาคาใจ

ท่านจุฬาราชมนตรี ประสานจะนำคณะจากตัวแทนสมาคมผู้ประกอบกิจการฮัจย์ภาคใต้ และกรุงเทพ เข้าพบ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เพื่อเคลียร์ปัญหากิจการฮัจย์พี่น้องมุสลิม 
วันจันทร์ ที่ 7 มีนาคม 2554 ที่ทำเนียบรัฐบาล

เมื่อวันพุธ ที่  2 มีนาคม 2554 เวลา 10.45 น. 11.50 น. ณ สำนักจุฬาราชมนตรี ( ส่วนหน้า ) อาคารสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา ด้วยการประสานงานของประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา 

จุฬาราชมนตรี
ภาพท่านจุฬาราชมนตรีรับหนังสือจาก นายอิบรอเหม  อาดำ ตัวแทนคณะกรรมการสมาคมฯ

โดยมีนายอิบรอเหม  อาดำ นายกสมาคมผู้ประกอบกิจการฮัจย์ภาคใต้ และตัวแทนคณะกรรมการสมาคมฯ และเลขาธิการสมาคมผู้ประกอบกิจการฮัจย์กรุงเทพ และตัวแทนผู้นำกลุ่มจากกรุงเทพฯ ได้เข้าเยี่ยม ฯพณฯ จุฬาราชมนตรี เพื่อขอร้องทุกข์ในกิจการฮัจย์ของพี่น้องมุสลิมในประเทศไทย ประจำปี 2554 ที่สร้างความไม่เข้าใจระหว่างกรมการศาสนา ในฐานะสำนักเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย กับผู้ประกอบกิจการฮัจย์ทั่วประเทศ ที่ได้กำหนดกฎเกณฑ์ หลักเกณฑ์ต่างๆ ในการรับสมัครผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์  ที่จะต้องใช้เงินค้ำประกันคนละ 50,000 บาท สุดท้ายไม่สามารถชี้แจงให้ประชาชนทราบได้ว่า รายชื่อผู้ที่ชำระเงินจำนวนดังกล่าวจะมีรายชื่อในโควตาหรือไม่  การกำหนดให้มีหนังสือมอบอำนาจทั่วไป  หนังสือยินยอม  หรือหลักเกณฑ์การเช่าบ้านพักที่เมืองมักกะห์ ในลักษณะมัดมือชก  การนำเงินไปมัดจำค่าบัตรโดยสารเครื่องบินโดยกรมการศาสนา  และสามารถเก็บเงินที่เก็บไว้ไปฝากในธนาคารเป็นจำนวนหลายเดือน จากจำนวนเงินมหาศาล ทั้งๆในขณะนี้ทุกสายการบินยังไม่เรียกผู้ประกอบกิจการฮัจย์มาประชุม หารือ ยังไม่ได้กำหนดตารางบินราคาบัตรโดยสาร และยังไม่มีความจำเป็นที่เรียกเก็บเงินค่ามัดจำในช่วงเวลานี้ การกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆเหล่านี้

สืบเนื่องจากกรมการศาสนา นำปัญหาของผู้ประกอบกิจการฮัจย์ จำนวน 1-2 ราย ที่มีปัญหาปีที่ผ่านมา การที่ไม่สามารถดำเนินการตามกฎหมายที่กำหนดไว้ในบทลงโทษแล้ว แถมยังออกกฎเกณฑ์ หลักเกณฑ์ใหม่มาเล่นงานผู้ประกอบกิจการฮัจย์ทั่วประเทศไทย จนผู้ประกอบกิจการฮัจย์และแซะห์ ( ผู้นำกลุ่ม ) รู้สึกไม่เป็นธรรม ไม่มีวิสัยทัศน์ในการบังคับใช้กฎหมายที่มีอยู่แล้ว สร้างความรู้สึกที่ไม่ดีจากผู้ประกอบกิจการฮัจยืที่เขาไม่ได้กระทำความผิดใดๆในกิจการฮัจย์

ดังนั้น การเรียกร้องของผู้ประกอบกิจการฮัจย์ ถ้าไม่ได้รับฟังจากผู้หลัก ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองนี้ ทางผู้ประกอบกิจการฮัจย์ได้ดำเนินการฟ้องศาลปกครองเพื่อยุติการใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรมของกรมการศาสนา ซึ่งมีหลายมาตรฐานเหลือเกิน ไม่ให้เกียรติผู้ประกอบกิจการฮัจย์และผู้นำกลุ่มในฐานะที่ได้อำนวยความสะดวกและนำพาพี่น้องมุสลิมในประเทศไทยไปประกอบพิธีฮัจย์ในปีหนึ่งๆเป็นจำนวนหมื่นกว่าคน ไม่ให้เกียรติและความสำคัญในความตั้งใจและความรู้สึกของผู้นำสูงสุดของศาสนาอิสลาม เป็นหน่วยงานที่ไม่เคยรับฟังข้อเสนอและข้อเรียกร้องของประชาชน เอาแต่ใจตนเอง เลือกปฏิบัติ ละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่และไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และผู้ประกอบกิจการฮัจย์เตรียมที่จะเปิดโปงการทำสัญญาเช่าบ้านที่เมืองมักกะห์ที่มีปัญหาทุกปีเป็นระยะเวลา 4 ปี ติดต่อกัน ใครทำให้เกิดข้อผิดพลาดในแต่ละสมัย ใครได้ผลประโยชน์ โดยผู้ใหญ่ในรัฐบาลไม่มีผู้ใดได้รับรู้เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นในแผ่นดินหะรอม ( แผ่นดินที่พระเจ้ากำหนดห้ามคนต่างศาสนิกเข้าไป )

ในการเข้าเยี่ยมและร้องทุกข์ตัวแทนของผู้ประกอบกิจการฮัจย์ในวันนี้ ให้ท่านจุฬาราชมนตรีรับทราบดังนี้.-

1. ขอความกรุณาที่จะให้ท่านจุฬาราชมนตรี เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนทางการของรัฐบาลไทย เดินทางไปเจรจากับหน่วยงานต่างๆของประเทศซาอุดีอาราเบีย เป็นการเตรียมงานในเทศกาลฮัจย์ ประจำปี 2554  และเนื่องจากท่านจุฬาราชมนตรี จะต้องเป็นอะมีรุ้ลฮัจย์ โดยตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการฮัจย์ และท่านจะต้องรับผิดชอบในข้อตกลงต่างๆที่ได้กระทำไว้กับหน่วยงาน ในสังกัดกระทรวงฮัจย์ ของประเทศซาอุดีอาราเบีย ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนฮัจย์ทางการ ตามที่ได้ให้คำนิยามของคำว่า อะมีรุ้ลฮัจย์

2. ขอให้ท่านจุฬาราชมนตรี รับการร้องทุกข์ของพี่น้องมุสลิมในประเทศไทย ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี 2554 ซึ่งจะมีจำนวนมากกว่า 16,000 คน ( จากยอดรวบรวมที่ไม่ได้เป็นทางการของแต่ละบริษัท 20,000 คน )

3. โปรดนำความเดือดร้อนกิจการฮัจย์ในปีนี้ หารือกับท่านอุปทูตซาอุดีอาราเบีย ประจำประเทศไทย ในการออกวีซ่าฮัจย์ ให้กับพี่น้องมุสลิมไทย

4. ทางสมาคมผู้ประกอบกิจการฮัจย์ มีความตั้งใจอย่างแนวแน่ อยากจะให้การดำเนินการกิจการฮัจย์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รอบคอบ ใช้หลักการบริหารแบบมีวิสัยทัศน์หารือระหว่างกรมการศาสนา กับ ผู้ประกอบกิจการฮัจย์และผู้นำกลุ่ม ไม่ใช่ออกและข้อกำหนดหลักเกณฑ์ บังคับให้ปฏิบัติอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงว่า ผู้ปฏิบัติจะปฏิบัติได้หรือไม่

ท่านจุฬาราชมนตรี ได้ถามที่ประชุมว่า ปัญหาเงินค้ำประกันการเดินทางคนละ 50,000 บาท เป็นอย่างไร ?

ผู้ประกอบกิจการฮัจย์ ตอบว่า  ก็มีบ้าง บางรายมีความพร้อม บางรายยังไม่มีความพร้อม ถึงแม้ว่า ประชาชนที่มีความประสงค์จะเดินทางได้เตรียมเงินไว้แล้ว แต่ไม่ใช่ทุกคนและทั้งหมดที่จะมีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์  ที่สำคัญนโยบายเช่นนี้จะทำให้ผู้นำกลุ่ม ( แซะห์ ) จะต้องเผชิญหน้ากับพี่น้องที่จะไปแสวงบุญ  เมื่อทุกคนชำระเงินแล้ว ทุกคนต้องการให้มีชื่ออยู่ในโควต้าผู้แสวงบุญ แต่ระบบหลักเกณฑ์ที่กรมการศาสนากำหนดไม่มีหลักประกันและจำนวนเงินมหาศาลจะต้องไปเก็บฝากไว้ในบัญชีของกรมการศาสนา แต่ถ้าหากเก็บในบัญชีของผู้ที่จะเดินทางฯถ้ารายชื่อไม่ได้อยู่ในโควต้า เงินของเขา เขาสามารถจะเบิกไปใช้ได้ เงินถ้ามีความชัดเจนว่าชำระเงินแล้วจะเป็นรายชื่อที่อยู่ในโควตาผู้แสวงบุญ จำนวนเท่าใดทุกคนเขาก็อยากจะจ่ายให้


ผู้ประกอบกิจการฮัจย์ ได้ขออนุญาต ถามท่านจุฬาราชมนตรี ว่า ทางผู้ประกอบกิจการฮัจย์ได้ข่าวว่า ท่านฯจะเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนฮัจย์ทางการในการเดินทางไปเจรจากับประเทศซาอุดีอาราเบียในปีนี้ ไม่ทราบว่า ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้เป็นอย่างไร ?  

ท่านจุฬาราชมนตรี ได้ตอบว่า เมื่อคราวได้พูดคุย หารือและตกลงกับ ฯพณฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ที่สำนักจุฬาราชมนตรี คลองเก้า ซึ่งในโอกาสนั้นก็มีนายกสองสมาคมฯ และตัวแทนสำนักจุฬาราชมนตรีด้วย ได้มีการหารือและตกลงที่จะให้ท่านจุฬาราชมนตรี เดินทางเป็นหัวหน้าคณะฯและจะมีบุคคลที่ท่านจุฬาฯจะเรียนเชิญในฐานะที่ท่านผู้นี้จะอาสาช่วยเหลือท่านจุฬาฯ แต่เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาท่านรัฐมนตรีฯ ได้โทรศัพท์ พูดคุยกับท่านจุฬาฯ ขอตัวแทนท่านจุฬาฯ จำนวน 1 ท่าน เพื่อเดินทางในคณะฯ  ท่านจุฬาฯ ได้เล่าว่าทำไม่เป็นเช่นนี้ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาก็ได้ตกลงเรียบร้อยหมดแล้ว จนถึงขณะนี้ในวันนี้ ท่านจุฬาฯ ก็ยังไม่ได้ส่งรายชื่อบุคคลที่เป็นตัวแทนของท่านจุฬาฯแต่อย่างใด ทางกรมการศาสนา ได้โทรศัพท์มาเป็น 10 ครั้ง ท่านจุฬาฯไม่ได้รับสาย

ผู้ประกอบกิจการฮัจย์ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมกรมการศาสนา ไม่ให้ท่านจุฬาฯเดินทางเป็นหัวหน้าคณะฯในปีนี้ และไม่ให้เกียรติ ไม่ให้ความสำคัญในความตั้งใจของท่านจุฬาฯ   หลังจากท่านจุฬาราชมนตรีได้รับฟังคำร้องทุกข์ของตัวแทนผู้ประกอบกิจการฮัจย์ และท่านจุฬาฯได้ปรารก ต่อความพยายามที่จะแก้ไขปัญหากิจการฮัจย์ของพี่น้องมุสลิมต่อสื่อมวลชน เป็นจำนวน 10 ราย ท่านจุฬาราชมนตรี ได้กล่าวว่า ถ้าเป็นความทุกข์ยาก ความเดือดร้อนของพี่น้องมุสลิมแล้ว ท่านรับจะอาสาประสานงานและปรับความเข้าใจ

หลังจากนั้น  ท่านจุฬาราชมนตรี ได้ให้ที่ประชุมเสนอบุคคลเป็นตัวแทนผู้ประกอบกิจการฮัจย์ โดย นายก 2 สมาคม เลขาธิการ 2 สมาคม และตัวแทนคณะกรรมการบริหาร รวมแล้วไม่เกิน 7 ท่าน เพื่อเข้าพบ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ในวันจันทร์ ที่ 7 มีนาคม 2554 ที่ทำเนียบรัฐบาล.- www.muslimthai.com

This Website uses cookies. Please accept our cookie policy for your best experience. You can learn more on how to adjust your cookie setting in ourcookie policy here

Cookie Policy ยอมรับ