มัสยิดลำสนุ่น
ม.13 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120 -
ประวัติความเป็นมามัสยิด
ระหว่างปี พ.ศ. 2433 - 2445 มีประชาชนที่ได้อพยพมาจากที่ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ได้มาอาศัยตั้งอยู่ที่บริเวณลำรางธรรมชาติซึ่งลักษณะเป็นแนวยาวตามตะวันเชื่อมต่อกับคลองสอง (ปัจจุบัน คือ หมู่ที่ 12 ตำบลคลองสอง) ลักษณะพื้นที่ในบริเวณนี้มี “ต้นสนุ่น” ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมากชาวชุมชนจึงใช้เรียกกันเองว่า “ลำสนุ่น” ต่อมาจึงอพยพจากลำรางขึ้นมาสร้างบ้านเรือนอยู่ริมคลองสอง ซึ่งเป็นสายน้ำหลักใช้ในการบริโภค ประกอบอาชีพ และสัญจรไปมาสะดวกกว่า ต่อมาชาวชุมชนที่นับถือศาสนาอิสลามเห็นว่ายังไม่มีสถานที่ใช้ในการปฏิบัติศาสนกิจและบุตรหลานจำเป็นต้องศึกษาเล่าเรียนทางด้านศาสนา จึงได้ร่วมใจกันสร้างมัสยิดขึ้นที่ปากลำราง โดยได้รับการอุทิศที่ดินส่วนหนึ่งให้สร้างมัสยิดจาก นายยะโก๊บ (ไม่ปรากฏนามสกุล) ลักษณะการสร้างเป็นเรือนไม้ใต้ถุนสูงตั้งชื่อตามสภาพพื้นที่ว่า “มัสยิดลำสนุ่น” และใช้มัสยิดเป็นที่เรียนศาสนาของบุตรหลานในชุมชนโดยมีครูมูซอ(ภูเขาทอง) เป็นครูสอนศาสนาในขณะนั้น ต่อมาเมื่อนายยะโก๊บ ถึงแก่กรรมทายาทของนายยะโก๊บผู้ถือกรรมสิทธิ์จึงได้ขอที่ดินในส่วนดังกล่าวคืน ท่านแชคมูฮำหมัดอาลี ซุกรี่ ได้ปรึกษากันกับท่านโต๊ะกียะยา โล่ขุนพรหม ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธ์ที่ดินบริเวณ หมู่ที่ 13 ตำบลคลองสอง เพื่อขอซื้อที่ดิน โดยรวบรวมเงินกันซื้อที่ดินได้ในขณะนั้น จำนวน 2 ไร่ จากนั้นจึงได้ย้ายมัสยิดหลังเดิมจากลำรางแล้วร่วมกันสร้างมัสยิดขึ้นมาใหม่ในที่ดินหมู่ 13 (ที่ตั้งมัสยิดในปัจจุบัน) โดยปลูกเป็นเรือนไม้ทั้งหลังใต้ถุนสูง มีท่านอิหม่ามตี่ โต๊ะสมัดดำ เป็นอิหม่ามประจำมัสยิด พร้อมกับจดทะเบียนกรรรมสิทธิ์ที่ดินในชื่อ ฮัจยีอับดุลเลาะห์ สาดและ ซึ่งต่อมาท่านเป็นอิหม่ามท่านที่ 2 เมื่อ ฮัจยีอับดุลเลาะห์ สาดและ ได้ถึงแก่กรรม นายโซะ สาดและ บุตรชายของท่านจึงได้ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการมรดกและได้โอนคืนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้กับมัสยิดซึ่งในขณะนั้นมี ท่านฮัจยีอิหม่ามอับดุลเราะห์มาน ดำชะไว เป็นอิหม่ามประจำมัสยิดท่านที่ 3 นายหมัด เลาะสุริยา เป็นคอเต็บ (ผู้แสดงธรรมประจำมัสยิด) และนายยูโซะ มาปากจั่น เป็นบิหลั่น (ผู้ประกาศเชิญชวนให้มุสลิมปฏิบัติศาสนกิจตามเวลา) ต่อมาได้รับบริจาคที่ดินเพิ่มจาก นางลิ้นจี่ ยวงเงิน จำนวน 1 ไร่ คณะกรรมการและสัปปุรุษประจำมัสยิดพร้อมด้วยผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันบริจาคทุนทรัพย์ เพื่อขอซื้อส่วนที่เหลือ 2 งาน จากนางลิ้นจี่และโอนที่ดินให้เป็นกรรมสิทธิ์ของมัสยิด นายห้างวรรณยุทธ พงษ์สว่าง ร่วมกับผู้มีจิตศรัทธาบริจาคที่ดินเพิ่มอีก จำนวน 2 ไร่ 1 งาน และนางละม้าย ดอกยี่โถ บริจาคเพิ่มอีกจำนวน 1 ไร่ รวมที่ดินมัสยิดทั้งหมดในขณะนั้นมี จำนวน 6 ไร่ 3 งาน
ในปี พ.ศ. 2498 ฮัจยีอิหม่ามอับดุลเราะห์มาน ดำชะไว ได้ทำการจดทะเบียนมัสยิดเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติมัสยิดอิสลาม พ.ศ. 2490 และได้เริ่มก่อตั้งโรงเรียนประถมศึกษาขึ้น โดยใช้ชั้นล่างของอาคารมัสยิดเป็นที่ทำการเรียนการสอน
จนกระทั่งต่อมาในปี พ.ศ. 2502 กระทรวงศึกษาธิการได้จัดงบประมาณเพื่อการก่อสร้างอาคารเรียนโรงเรียนประชาบาลลำสนุ่น ท่านฮัจยีอิหม่ามอับดุลเราะห์มาน ดำชะไว และคณะกรรมการมัสยิดเห็นว่าที่ดินของมัสยิดคับแคบเกินไป ประกอบกับได้ตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาของเยาวชนในพื้นที่จึงได้ขอใช้ที่ดินฝั่งทิศตะวันออกตรงข้ามกับมัสยิด ซึ่งเป็นกองมรดกของ หม่อมราชวงศ์สุวพรรณ สนิทวงศ์ จำนวน 5 ไร่ เพื่อสร้างเป็นอาคารเรียนหลังใหม่โดยใช้ชื่อ “โรงเรียนลำสนุ่น” ซึ่งได้เปิดทำการเรียนการสอนตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการเรื่อยมาจนมาถึงปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2552 อิหม่ามและคณะกรรมการมัสยิดมีแนวคิดที่จะปรับปรุงห้องประชุมและอบรมจริยธรรมให้มีความมาตรฐานและสามารถรองรับในการจัดประชุม พร้อมกับปรับภูมิทัศน์ให้สวยงาม จึงได้เสนอขอใช้งบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เทศบาลเมืองท่าโขลง และจากการบริจาคของปวงชาวไทยมุสลิม จนได้รับสนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างตามวัตถุประสงค์ จึงได้เริมทำการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ อิหม่ามรัศมีดำชะไว คณะกรรมการและปวงสัปปุรุษประจำมัสยิด ถือโอกาสแห่งปีมหามงคลนี้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายห้องประชุมประจำมัสยิดเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อเป็นสาธารณะประโยชน์ต่อไปโดยได้กราบทูลเชิญพระเจ้าวรวงศ์-เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2552
ในปี พ.ศ.2553 มัสยิดลำสนุ่นได้รับคัดเลือกจากวัฒนธรรมจังหวัดปทุมธานี ให้เข้าร่วมโครงการ “ลานบุญ ลานปัญญา” โดยใช้เป็นศาสนสถานในการจัดกิจกรรมของชุมชน เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านในชุมชนให้มาร่วมกันทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับศาสนาและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกันของคนในชุมชนให้เกิดประโยชน์และเกิดความสามัคคี ปรองดองกันภายในชุมชน อิหม่ามรัศมี ดำชะไว คอเต็บ บิหลั่น พร้อมด้วยคณะกรรมการและสัปปุรุษประจำมัสยิดลำสนุ่น มีความตั้งใจที่จะบริหารจัดการกิจการมัสยิดและชุมชนให้มีความเจริญก้าวหน้าต่อไป และพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางการบริหารกิจการขององค์กรมุสลิมในจังหวัดปทุมธานี เป็นสื่อกลางระหว่างองค์กรมุสลิมกับภาครัฐและภาคเอกชน ในการบริหารและสนับสนุนกิจการให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรมุสลิมชุมชน สังคมและประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นไป