มัสยิดเซฟี (ตึกขาว)


เลขที่ 647/1 ซอยช่างนาค ถนนสมเด็จเจ้าพระยา5 ต.สมเด็จเจ้าพระยา อ.เขตคลองสาน จ.กรุงเทพมหานคร 10600   -
มัสยิดเซฟี  (ตึกขาว)




ประวัติโดยย่อ

       มัสยิดเซฟี  มัสยิดเซฟี หรือ มัสยิดตึกขาว ย่านคลองสาน ตั้งอยู่ในซอยสมเด็จเจ้าพระยา5 (ซึ่งในอดีตมีทางออกสู่ด้านแม่น้ำเจ้าพระยา)

       มัสยิดแห่งนี้สร้างขึ้นโดยกลุ่มชาวมุสลิมสายดาวุดีโบราห์ ที่เดินทางมาจากเมืองสุหรัต ประเทศอินเดีย ในช่วงต้นรัชสมัยล้นเกล้ารัชกาลที่ 4 ชาวมุสลิมกลุ่มนี้เป็นนิกายชีอะห์ ซึ่งเป็นพ่อค้าในบังคับของอังกฤษที่เดินทางเข้ามาค้าขายยังแผ่นดินสยามในช่วงเวลานั้น ชาวไทยมักเรียกชาวมุสลิมกลุ่มนี้ว่า นักกุด่าหรือนักขุด่า ที่เพี้ยนมาจากภาษาเปอร์เชีย แปลว่า เจ้าของเรือสินค้า เนื่องด้วยมุสลิมกลุ่มนี้เป็นเจ้าของเรือสินค้าหลายลำ มีบุคคลสำคัญของชาวมุสลิมกลุ่มนี้เช่น นักกุด่ามอหามัดฝอเรศ (หลวงประเทศไมตรี) นายอับดุลราฮิม (เจ้าของห้างอับดุลราฮิม) นายห้างมัสกาตี (เจ้าของห้างมัสกาตี) ปีที่สร้าง พ.ศ. 2453

       ในปี พ.ศ. 2398 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ราชอาณาจักรสยามได้ทำสนธิสัญญากับสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นอีก 1 ฉบับ เรียกกันโดยทั่วไปว่า “สนธิสัญญาบาวริง” โดยมีเซอร์จอห์น เบาว์ริงราชทูต ที่ได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระบรมราชินีนาถวิกตอเรียเข้ามาทำสนธิสัญญาซึ่งมีสาระสำคัญคือ การเปิดการค้าเสรีกับต่างประเทศในสยาม มีการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศโดยการสร้างระบบการนำเข้าและส่งออกใหม่เพิ่มเติม จากสนธิสัญญาเบอร์นี สนธิสัญญาฉบับก่อนหน้าซึ่งได้รับการลงนามระหว่างสยามและสหราชอาณาจักรใน พ.ศ. 2369 สมัย รัชกาลที่ 3 หลังจากนั้น ได้มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในสยามมากขึ้น รวมทั้งกลุ่มชาวอินเดียเป็นจำนวนมากที่เดินทางเข้ามาในฐานะกลุ่มพ่อค้าโดยดำเนินการค้าอยู่ในย่านราชวงศ์และทรงวาด และมีนิคมของตนเองอยู่ทางฝั่งตรงข้ามแถบท่าดินแดงและคลองสานซึ่งคนอินเดียเหล่านี้ส่วนใหญ่เข้ามาในฐานะ “Subject หรือ คนในบังคับ” หรือที่คุ้นเคยของคนสยามในนามพวก “สัพเย็ก” โดยส่วนหนึ่งของกลุ่มพ่อค้าชาวอินเดียที่เดินทางเข้ามาในสยามในเวลานั้น เป็นกลุ่มคนที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่รัฐกุจราต ประเทศอินเดีย นับถือศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ โดยเรียกพวกตนเองว่า “มุอ์มิน ดาวูดีโบห์รา” นิยมทำการค้าผ้าแพรพรรณ ดิ้นเงินดิ้นทอง เพชรพลอย ตลอดจนเครื่องเทศ สมุนไพร เครื่องหอม และน้ำอบ เป็นต้น มักตั้งร้านค้าบริเวนถนนเจริญกรุง พาหุรัด ตลาดมิ่งเมือง และแถบวัดเกาะหรือวัดสัมพันธวงศ์ ต่อมากลุ่มคนเหล่านี้โดยการนำของกากายี ซายาอุดดิน โมฮัมหมัดอาลี ร่วมกับมุลลาฮะซัน อาลี ยีวาใบ และนายห้างวาสีได้ติดต่อขอซื้อที่ดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาจากเจ้าพระยารัตนบดินทร์ (รอด) เมื่อได้ที่ดินแล้วจึงเริ่มสร้างมัสยิดของพวกตนขึ้น และสามารถเปิดใช้ทำศาสนกิจเมื่อปี พ.ศ.2453 มัสยิดที่สร้างขึ้นมีชื่อเรียกว่า “มัสยิดเซฟี

         มัสยิดเซฟี มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมแบบกอธิค ลักษณะคล้ายกล่องสี่เหลี่ยม โครงสร้างอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ตั้งอยู่บนฐานรากแผ่ที่ทำจากไม้ซุง ภายในอาคารไม่มีเสากลาง ชั้นล่างปูกระเบื้อง มีห้องกิบละต์ หรือ ประชุมทิศ สำหรับผู้นำนมาซ และบนเพดานห้องประดับโคมไฟรูปถ้วยอักขระกูฟี อันเป็นลักษณะเฉพาะของนิกายดาวูดีโบห์ราที่นี่ไม่มีมิมบัรหรือแท่นธรรมาสน์ แต่มีตะฆัรสำหรับให้อิหม่ามนั่งเทศน์ ส่วนชั้นบนเป็นชั้นสำหรับสตรีทำนมาซ โดยมีระเบียงวนโดยรอบ ประดับกระจกสีและลายฉลุไม้สวยงาม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มัสยิดเซฟีได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี สามารถรักษาองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม และคุณค่าทางประวัติศาสตร์เอาไว้ได้เป็นอย่างดี รวมทั้ง ยังคงบทบาทสำคัญในการเป็นศูนย์กลางทางศาสนาของชาวมุอ์มิน ดาวูดีโบห์รา

ที่ตั้ง

647/1 ซอยสมเด็จเจ้าพระยา5 ถนนสมเด็จเจ้าพระยา แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กทม 10600

เลขหมายทะเบียน ธ 9

วัน/เดือน/ปี ที่รับจดทะเบียน

28 กันยายน 2493

ผู้ขอจดทะเบียน

นายตาเฮรใบ กูรบานฮูเซ็น

ตำแหน่งอิหม่าม

นายมูฮำมัดอารี ฮะซันใบ

ตำแหน่งคอเต็บ

หะยีอาลีใบ นรไบ

ตำแหน่งบิหลั่น

มุลลาฮากีมุดดินใบ มุลลาอับดุลรอซูล

 ที่มา : https://masjid.islamicbangkok.or.th/masjid/id/22333#prettyPhoto

เว็บไซต์นี้มีการใช้คุกกี้ โปรดยอมรับนโยบายคุกกี้เพื่อประสบการณ์การใช้บริการที่ดีที่สุดของท่าน ท่านสามารถศึกษาวิธีการตั้งค่าการควบคุมคุกกี้ของท่านผ่านนโยบายการใช้คุกกี้ของเราที่นี่

นโยบายการใช้คุกกี้ของเราที่นี่ ยอมรับ